วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สอบปลายภาค




ให้นักศึกษาอ่านแล้วตอบคำถามประเด็นต่อไปนี้


1.ความหมายคำว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา เทศบัญญัติ    
                 กฎหมายรัฐธรรมนูญ หมายถึง เป็นกฎหมายสาขาหนึ่งของกฎหมายมหาชนที่มีวัตถุประสงค์ในการวางระเบียบการปกครองรัฐในทางการเมือง โดยกำหนดโครงสร้างของรัฐ ระบอบการปกครอง การใช้อำนาจอธิปไตยและการดำเนินงานของสถาบันสูงสุดของรัฐที่ใช้อำนาจอธิปไตย
         พระราชบัญญัติ หมายถึง กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ตราขึ้นโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา เนื้อหาของพระราชบัญญัตินั้นจะกำหนดเนื้อหาในเรื่องใดก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดหรือ แย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญทั่วไป เรียกว่า ประเพณีการปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย
              พระราชกำหนด หมายถึงกฎหมายที่บัญญัติโดยฝ่ายบริหาร(คณะรัฐมนตรี) พระราชกำหนดมีอยู่ 2 ประเภท คือ พระราชกำหนดทั่วไป และพระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีและเงินตรา
              พระราชกฤษฎีกา หมายถึง กฎหมายที่ตราขึ้นโดยพระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
           เทศบัญญัติ หมายถึง กฎหมายที่เทศบาลออกเพื่อใช้บังคับในเขตเทศบาลทั้งนี้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 ผู้เสนอร่างเทศบัญญัติ ได้แก่ นายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล หรือราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พศ.2542

2.กฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ใช้ในการปกครองประเทศ ปัจจุบันเป็นอย่างไร ในการกำหนดออกกฎหมายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดของการประกาศใช้เป็นอย่างไร หากเราไม่มีรัฐธรรมนูญนักศึกษาคิดว่าจะเป็นอย่างไร อธิบาย


            กฎหมายรัฐธรรมนูญที่ใช้ในการปกครองประเทศ ปัจจุบันเป็นกฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ เป็นกฎหมายที่ให้สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคแก่คนไทยทุกคน ซึ่งหากเราไม่มีรัฐธรรมนูญข้าพเจ้าคิดว่า ประเทศไทยแผ่นดินนี้คงวุ่นวายน่าดู จะมีการแย่งชิงอำนาจ เอารัดเอาเปรียบ ล่วงละเมิดคนอื่นเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และประเทศไทยก็ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีความสามัคคี ดังนั้นในการกำหนดออกกฎหมายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดของการประกาศใช้ คือ ต้องคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมให้มากที่สุด คือต้องเคารพในสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ของคนในประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทยและหากไม่มีรัฐธรรมนูญประเทศไทยก็จะอยู่ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายในการปกครองจะทำให้คนในประเทศอยู่กันด้วยความวุ่นวาย มีการก่ออาชญากรรมกันมากขึ้น และขาดระเบียบระบบในการปกครองประเทศ

3.ในสภาพปัจจุบันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 มีนักวิชาการต้องการจะแก้ไขท่านคิดว่าควรที่จะแก้ไขหรือไม่ประเด็นใดอธิบายให้เหตุผล
            รัฐธรรมนูญมาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี" ข้าพเจ้าคิดว่า สมควรเปลี่ยนระยะเวลาในการลงโทษให้น้อยลง เพราะบางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจทำความผิดก็ได้ แต่สำหรับบางคนก็ควรพิจารณา ให้สิทธิ เสรีภาพ แก่ผู้กรณีอย่างเสมอภาคทุกคน และหากผู้ใดที่กระทำผิดอย่างร้ายแรงจริงๆก็ให้เพิ่มบทลงโทษขึ้น คือให้มีระยะเวลาในการลงโทษ สองแบบ คือ แบบที่ตั้งใจดูหมิ่นและแบบที่ไม่ได้ตั้งใจ
4.กรณีเกิดความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านเรื่องชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เป็นกรณีพิพากขึ้นศาลโลกเรื่องดินแดนท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งมองปัญหานี้อย่างไร และจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรเพื่อมิให้ไทยต้องเสียดินแดน
            ปัญหาความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านเรื่องชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งและจากการที่ได้ติดตามข่าวสารเรื่องนี้นั้น เป็นข่าวที่น่าสนใจมากเพราะเรื่องเกิดขึ้นมาจากการตีความแผนที่คนละแผ่นกัน จึงทำให้เป็นเหตุให้มีการบุกล้ำพื้นที่ระหว่างกัน โดยมีทหารหรือคนที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ทำการก่อเหตุ จึงทำให้ส่งผลกระทบต่อคนที่อาศัยอยู่ในแถบนั้น และที่สำคัญคือ กรณีของเขาพระวิหารที่ตอนนี้ยังตกลงกันไม่ได้เลย สำหรับข้าพเจ้าคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ อย่าใช้ความรุนแรงและใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา เพื่อผลประโยชน์แก่ประเทศตนเองและส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นให้น้อยที่สุด และพูดคุยกันโดยใช้สันติวิธี พูดคุยกันโดยที่ไม่ได้ทำให้ทั้งสองฝ่ายเสียผลประโยชน์ของกันและกัน
5.พระราชบัญญัติการศึกษาเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญการศึกษา ท่านเห็นด้วยกับประเด็นนี้หรือไม่ อธิบายให้เหตุผล
            เห็นด้วย กับ พระราชบัญญัติการศึกษาเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญการศึกษา เพราะในรัฐธรรมนูญก็ได้มีสาระสำคัญของการศึกษาเขียนไว้ และพระราชบัญญัติการศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร่างขึ้นมาโดยใช้รัฐธรรมนูญการศึกษา เป็นหัวใจสำคัญและเป็นแนวทางในการร่างและเขียนพระราชบัญญัติการศึกษา ขึ้นมา เพื่อนำมาประกาศใช้และใช้เพื่อพัฒนาคนไทยทุกคนให้มีการศึกษาทุกคนอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ตามจุดมุ่งหมายของการพัฒนาศักยภาพคนไทย
6.ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ขอให้นักศึกษาให้ความหมาย การศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษา สถานศึกษาขั้น พื้นฐาน มาตรฐานการศึกษา การประกันคุณภาพภายใน การประกัน คุณภาพภายนอก ผู้สอน ครู คณาจารย์ ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา สถานศึกษา
              การศึกษา หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ เช่น การถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การเรียนรู้โดยการสร้างองค์ความรู้ที่เกิดจากตัวเอง หรือจัดมาจากคนอื่นและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อพัฒนาคุณภาพ ความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมเพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิตและอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
             การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายถึง เป็นการศึกษาช่วงก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอาชีวะ หรืออาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
             การศึกษาตลอดชีวิต หมายถึง เป็นการศึกษาที่รวมระหว่าง การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย รวมเข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้คุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนได้อย่างต่อเนื่องและตลอดชีวิต
             การศึกษาในระบบ หมายถึง เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการจบการศึกษาที่แน่นอน
             การศึกษานอกระบบ หมายถึง เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบวิธีวิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการจบการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพปัญหา ความต้องการของบุคลแต่ล่ะกลุ่ม
             การศึกษาตามอัธยาศัย หมายถึง เป็นการศึกษาที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามความต้องการ ความสนใจของตนเอง โดยจากสื่อการเรียนรู้ต่างๆหรือที่ผู้ปกครองสนับสนุน
             สถานศึกษา หมายถึง เป็นสถานที่ในจัดการการเรียนรู้ เช่น โรงเรียน สถาบัน มหาวิทยาลัย วิทยาลัย ศูนย์การเรียนรู้ เป็นต้น ซึ่งอาจจะเป็นของรัฐหรือเอกชนจัดให้ก็ได้
             สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายถึง เป็นสถานศึกษาที่จัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
             มาตรฐานการศึกษา หมายถึง มาตรฐานหรือข้อกำหนด เช่น คุณลักษณะ คุณภาพ ที่พึงประสงค์ และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง เพื่อใช้เป็นในการประกันคุณภาพ
             การประกันคุณภาพภายใน หมายถึง การประเมินผล การติดตามตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยคนในสถานศึกษาเป็นผู้ประเมินเอง หรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น
             การประกันคุณภาพภายนอก หมายถึง การประเมินผล การติดตามตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยคนภายนอก หรือสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
             ผู้สอน หมายถึง ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่างๆ และเป็นผู้ให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ
             ครู หมายถึง เป็นบุคลากรวิชาชีพที่ทำหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอน ส่งเสริมการเรียนรู้ผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน
             คณาจารย์ หมายถึง เป็นบุคลากรที่ทำหน้าที่หลักในการจัดการเรียนการสอนและวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี ทั้งรัฐและเอกชน
             ผู้บริหารการศึกษา หมายถึง เป็นบุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
             ผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง เป็นบุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งทั้งของรัฐและเอกชน
             บุคลากรทางการศึกษา หมายถึง ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศและการบรอหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่างๆ

7.ในการจัดการศึกษานักศึกษาคิดว่ามีความมุ่งหมายและหลักการจัดการในการจัดการศึกษา อย่างไร
             ความมุ่งหมายในการจัดการศึกษานั้นต้องจัดการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยทุกคน โดยต้องพัฒนาทุกคนให้สมบูรณ์ทุกด้านทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา ความรู้ จิตใจ มีคุณธรรม จริยธรรม และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ของการศึกษา
             หลักการจัดการศึกษา นั้นต้องเป็นการศึกษาที่จัดให้ให้กับคนไทยทุกคน อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และต้องพัฒนาสาระ กระบวนการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคนไทยตามความมุ่งหมายของการจัดการศึกษา

8.มีบุคคลหนึ่งเข้าไปเป็นครูสอนหนังสือในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่เป็นประจำกรณีมิได้รับการบรรจุเป็นครู หากพิจารณาตามกฎหมายถ้าผิด กฎหมายท่านคิดว่าจะถูกลงโทษอย่างไร หากไม่ผิดกฎหมายท่านคิดว่าจะมีวิธีการทำอย่างไร
            ไม่ผิด เพราะ ในพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางศึกษา พ..2546 ได้กำหนดไว้ว่าห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
                  1. ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเป็นครั้งคราวในฐานะวิทยากรพิเศษทางการศึกษา
                 2.ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนแต่ในบางครั้งต้องทำหน้าที่สอนด้วย
                 3.นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรมหรือผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน ซึ่งทำการฝึกหัดหรืออบรมในความควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาซึ่งเป็นผู้ให้การศึกษาหรือฝึกอบรม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
                  4. ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย
                  5. ผู้ที่ทำหน้าที่สอนในศูนย์การเรียนตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ หรือสถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด
                  6.   คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน
                  7. ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา
                  8. บุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนดซึ่งผู้ที่เข้าไปสอนอาจจะกระทำในกรณีใดกรณีหนึ่งซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็ไม่ต้องแก้ไขอะไร แต่หากว่าอยากจะเข้าไปสอนในสถานศึกษาเป็นกรณีประจำก็ควรจะไปสอบบรรจุให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหาในภายหลัง

9. หากนักศึกษาต้องการสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
             1. เป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ.2547
             2. เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ได้รับวุฒิปริญญาตรีทางการศึกษาหรือปริญญาตรีที่มีความรู้พื้นฐานทางวิชาชีพครู
             3. เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูหรือได้รับหนังสือรับรองสิทธิ์การประกอบวิชาชีพครูตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
             4. ไม่เป็นพระภิกษุสามเณร นักพรต นักบวช

10.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อเรียนวิชานี้ นักศึกษาได้อะไรบ้าง ครูผู้สอนวิชาชีพโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Weblog มีความเหมาะสม และเป็นไปได้อย่างไร วิจารณ์แสดงความคิดเห็น และถ้าจะให้น้ำหนักวิชานี้ ควรให้เกรดอะไร และนักศึกษาคิดว่าตนเองจะได้เกรดอะไร
             จากการเรียนวิชานี้ทำให้ข้าพเจ้าได้มีความรู้เรื่องกฎหมายเป็นอย่างมาก ทั้งกฎหมายทั่วไปและกฎหมายทางการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จำเป็นต้องรู้และเข้าใจ เพราะในอนาคตข้าพเจ้าจะต้องเป็นครู และเป็นแนวทางในการสอบบรรจุข้าราชการ และการสอนโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เช่น Weblog มีความเหมาะสม เนื่องจากจะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่เสียเงินอีกด้วย อีกทั้งเนื้อหาที่อาจารย์ให้มาก็มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่สิ้นเปลืองกระดาษ ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง และเป็นการสอนที่ทำให้นักเรียนไม่เบื่อด้วยเนื่องจากไม่ต้องจดลงในกระดาษ และอีทั้งนักเรียนสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ตลอดเวลาอีกด้วย
             ถ้าข้าพเจ้าจะให้เกรดในวิชานี้ก็จะให้เกรด A เนื่องจากเนื้อหาที่อาจารย์สอนก็มีความครบครัน สามารถนำไปต่อยอดการเรียนรู้ได้ดีอีกด้วย
                ถ้าจะให้เกรดตัวเองข้าพเจ้าจะให้ A เพราะข้าพเจ้าสามารถบรรลุจุดประสงค์ของรายวิชานี้ และอีกทั้งยังสามารถใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Weblog ได้ดีเลยทีเดียว และเกรดที่ข้าพเจ้าได้นั้นก็จะช่วยการันตีว่าข้าพเจ้ามีความเข้าใจในบทเรียนนี้มากน้อยเพียงใด